พ่อเด็ก 15 ซิ่งบีเอ็มชนบัณฑิตเสียชีวิต เผย ลูกปิดห้องเงียบ หลังโซเชียลรุมประณาม
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยเปิดใจกับ ชายอายุ 48 ปี ชาว อ.เมือง จังหวัดบุรีรัมย์ พ่อของเยาวชนวัย 15 ปี ที่ซิ่งบีเอ็มฝ่าไฟแดงชนบัณฑิตหนุ่มเสียชีวิต โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า หลังได้รับแจ้งว่าลูกชายขับรถชนคนเสียชีวิต รู้สึกตกใจมาก ในคืนนั้นได้พาลูกชายไปพบพนักงานสอบสวนทันที ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นัดมาในวันรุ่งขึ้น ก็ไปตามนัดรับทราบข้อกล่าวหา
พนักงานสอบสวน ยังบอกให้ตนรอพบกับพ่อของผู้เสียชีวิตซึ่งกำลังเดินทางมา ตนก็รอจนกระทั่งพบกัน จึงพาลูกชายและเพื่อนไปกราบขอขมา โดยในวันเดียวกันตนได้ถามเรื่องค่าจัดงานฌาปนกิจ ได้รับคำตอบว่า แถวนั้นถ้าจัดงานจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 180,000 แต่ไม่เกิน 200,000 บาท จึงหาเงินมาเตรียมไว้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แนะนำให้มาจ่าย และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าพนักงานสอบสวน แต่ติดปัญหาเพราะทางฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิต ต้องรีบนำร่างกลับไปที่บ้านเกิดจังหวัดนครสวรรค์ จึงเกิดการล่าช้า ไม่ได้จะมีการหลบเลี่ยงแต่อย่างใด
ครอบครัวผู้เสียชีวิตเข้าใจดี วันฌาปนกิจ ตนตั้งใจจะไปร่วมงานพร้อมนำเงินจำนวน 250,000 บาท ให้เป็นค่าฌาปนกิจที่หน้างาน โดยขับรถจากบุรีรัมย์ไปนครสวรรค์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานผู้ใหญ่บ้านที่หมู่บ้านที่ตั้งร่างของน้องเอาไว้แล้ว เมื่อไปถึงได้ประสานกับผู้ใหญ่บ้านให้ไปติดต่อญาติในงาน เวลาต่อมาผู้ใหญ่บ้านกลับออกมาแล้วสรุปให้ฟังว่า ไม่สมควรเข้าไป เพราะญาติผู้เสียชีวิตยังไม่ตอบรับ เกรงว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น จึงตัดสินใจขับรถกลับบุรีรัมย์
พ่อของเยาวชนวัย 15 ปี ยังกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนขอกราบขอโทษและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียหาย ขอโทษคนทั้งประเทศที่บางครั้งอาจจะเข้าใจผิดไปบ้าง แต่ตอนนี้ ครอบครัวของตัวเอง โดนโลกโซเชียลรุมประณาม รวมถึงลูกชายซึ่งตอนนี้ปิดห้องเงียบ
หลังจากนี้ยังจะพยายามประสานเรื่องเยียวยาเรื่องเงินค่างานฌาปนกิจต่อไปผ่านพนักงานสอบสวน ส่วนเรื่องการเยียวยาความสูญเสีย ต้องยอมรับว่าตีเป็นมูลค่าไม่ได้ เพราะไม่สามารถเอาชีวิตกลับคืนมาได้ แต่ตนก็จะรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งจะต้องให้กระบวนการยุติธรรมเป็นคนตัดสิน
ส่วนกรณีโลกโซเชียลถามถึงความเป็นมาของการขับรถของลูกชายว่า รถคันดังกล่าวตนซื้อมาเอง เพราะมีอาชีพซื้อรถมาแล้วขายไป วันเกิดเหตุ ลูกชายซึ่งอยู่กับปู่และย่า ที่ จ.นครราชสีมา ได้ขับไปโดยไม่ได้แจ้งปู่กับย่า แล้วไปเกิดเหตุ