‘น้ำเงิน บุญหนัก’ บั้นปลายชีวิตไร้คนดูเเล
ด้วยพรสวรรค์และเลือดศิลปินที่มีในตัว ทำให้ ‘สวง จารุวิจิตร’ หรือที่แฟนหนังแฟนละครรู้จักกันในชื่อ ‘น้ำเงิน บุญหนัก’
นักแสดงอาวุโสผู้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมายาวนานกว่า 60 ปี สร้างสรรค์ทุกผลงานด้วยใจที่รัก จนกลายเป็นที่รักของคนบันเทิง
รวมทั้งประชาชนคนดูมาถึงทุกวันนี้ “มีละคร ริมฝั่งน้ำ ชาติเสือพันธุ์มังกร” งานแสดงยังมีให้ได้ชมเรื่อย ๆ มีผู้จัดหลายคนติดต่อมาเรื่อยๆ
ไว้รอเรื่องหน้าถ้ามีบทที่เหมาะสมก็จะเลือกแม่อีก” ด้านสุขภาพ “แม่น้ำเงิน ขับรถมากองถ่ายเอง ขับรถเป็นตั้งแต่อายุ 17 แล้ว
ก็ต้องระวัง เพราะว่าสมัยนี้ขับยาก มอเตอร์ไซค์เยอะสายตายังดีอยู่ เคยไปตัดแว่นมา แต่ใส่ไม่ได้ ก็เลยถอดทิ้งไปแล้วใช้สายตาปกติดีกว่า
อ่านหนังสือโดยไม่ต้องใส่แว่น ความดันเบาหวานไม่เป็นเลยตับไตดีหมด ส่วนเรื่องเจ็บปวดตามเข่าไขข้อ บางทีมันก็เป็นบ้าง
ด้วยความที่เราเล่นละครนั่งพับเพียบนานๆ” ‘น้ำเงิน บุญหนัก’ มีชื่อเล่นว่า ‘เปี๊ยก’ ถือเป็นดาราอาวุโสมากความสามารถอีกคน
ของแวดวงเพลิดเพลิน เป็นทั้ง ดาราหนังและนักพากย์ชาวไทย เข้าสู่วงการการแสดงครั้งแรกเมื่อปี 2498 ผลงานแรกคือภาพยนตร์เรื่อง
“สาปสวรรค์” เมื่อปี พ.ศ. 2498 นักแสดงอาวุโส ในอดีตที่เคยโด่งดังสุดๆ กับการรับบทกระสือยายสาย ในละครเรื่องกระสือ
เรียกได้ว่าด้วยพรสวรรค์ที่มีในตัว นักแสดงอาวุโสผู้อยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 60 ปี สร้างสรรค์ทุกผลงานด้วยใจที่รัก
กลายเป็นที่รักของคนบันเทิง โดยใช้ชื่อในวงการว่า “ดาวรุ่งฟ้า” เริ่มมีชื่อเสียงจากเรื่อง “ชาติเสือ” แสดงกับ ‘มิตร ชัยบัญชา’
จากนั้นก็มีผลงานตามมาอีกเรื่อย ๆ และบทเด่นอีกบทที่หลายคนจำได้ติดตามไม่มีวันลืมก็คือ บท “กระสือยายสาย”
ครั้งหนึ่ง ‘เเม่เปี๊ยก’ เคยเล่าว่า “คุณปู่นั้นเป็นเจ้าพระยา หรือว่าคุณพระอยู่กับร.6 คุณปู่เราก็เหมือนเป็นมือขวาคนสนิท
เป็นคนจัดเรื่องเขียนละคร และท่านก็ได้เต็มเลยอยู่ที่บ้าน แล้วนามสกุลเดิมของเรา จารุวิจิตร เป็นนามสกุจากร. 6
ก็เลยคิดว่าตัวเองน่าจะได้มาจากคุณปู่ คุณพ่อเป็นราชการ คุณแม่เป็นคนจีน” เป็นถึงลูกหลานเจ้าพระยา เเต่ไม่เคยโอ้อวดเลย